ศิลปะกอทิก ความสวยงามที่ข้ามกาลเวลา

มารู้จัก ความหมายของศิลปะ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ภาพวาด วัฒนธรรม ประติมากรรมไทย ประติมากรรมนูนสูง ศิลปะลพบุรี ศิลปะศรีวิชัย และงานศิลปะแบบง่ายๆ ที่น่าสนใจ

ศิลปะกอทิก ความสวยงามที่ข้ามกาลเวลา

April 17, 2019 ศิลปะ 0
Gothic

ศิลปะกอทิก ภาษาอังกฤษเรียกว่า  “Gothic” เป็นศิลปะสวยงามในสมัยกลางที่พัฒนาจากทางตอนเหนือของฝรั่งเศษ แตกแขนงมาจากศิลปะโรมันในศตวรรษที่ 12 เป็นช่วงที่เกิดการพัฒนาสถาปัตยกรรมโกธิคในเวลาเดียวกัน ต่อมามันได้แพร่กระจายไปทั่วยุโรปตะวันตก ภาคทางใต้และยุโรปกลางโดยเฉพาะในอิตาลี ในปลายศตวรรษที่ 14 ศิลปะแนวกอทิกแบบสากลได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งยังคงพัฒนาต่อไปจนถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 15

โดยสามารถเห็นได้จากการออกแบบและงานศิลปะของชาวเยอรมัน มันยังคงแพร่ต่อไปเรื่อยจนเข้าศตวรรษที่ 16 จึงได้ถูกนำมาร่วมเข้ากับ “ศิลปะเรอเนซองส์”  โดยส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย ประติมากรรม จิตรกรรม งานกระจกสี ภาพบนผนังปูนปลาสเตอร์เปียก เอกสารตัวเขียนสีวิจิตร ศิลปะกอธิคที่เก่าแก่ที่สุดคือรูปปั้นอนุสาวรีย์บนผนังของมหาวิหาร หรือบนสำนักสงฆ์ต่างๆที่หลงเหลืออยู่ เป็นการนำแสดงเรื่องราวของพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิมเคียงข้างกัน

ประติมากรรมแบบกอทิก

Gothic

ประติมากรรมเหล่านี้เป็นถือเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรม ใช้สำหรับตกแต่งภายในมหาวิหารเพื่อแสดงถึงเรื่องราวและความสวยงาม ประติมากรรมช่วงแรกๆจะเป็นรูปปั้นร่างของนักบุญและครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ มักจะนำไปใช้ตกแต่งตามทางเข้าทางประตูมหาวิหารในฝรั่งเศษ อย่างเช่นรูปปั้นในมหาวิหารโนเทรอดามแห่งชาร์ตร์ สไตล์ของรูปปั้นในช่วงยุคนี้มีไม่ค่อยมีการแสดงออกทางอารมณ์ เราจึงมองว่าเป็นเพียงรูปปั้นธรรมดาเท่านั้น แต่เมื่อเข้าช่วงยุคต้นศตวรรษที่ 13 แนวคิดในการสร้างรูปปั้นเหล่าได้เปลี่ยนไป ผู้สร้างเริ่มลดท่าทางแข็งทือของรูปปั้นและเพิ่มความผ่อนคลายเพื่อสื่อถืออารมณ์ได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีรูปปั้นมากมายที่มีชื่อเสียง แต่มีไม่กี่ชิ้นที่แสดงออกได้ถึงความยิ่งใหญ่และสวยงามในแบบของศิลปะกอทิก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ตั้งอยู่ที่วิหารแร็งส์ เป็นรูปปั้นที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษ

จิตรกรรมแบบกอทิก

ภาพวาดแนวกอทิกพัฒนามาร่วมกันระหว่างประติมากรรม พวกมันพัฒนาจากภาพที่แข็งไร้อารมณ์ไปสู่ภาพดูที่ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม ภาพวาดเหล่านี้เริ่มมีขนาดใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 จนมันได้ถูกนำไปประดับอยู่ด้านหลังแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ ภาพวาดเหล่านี้มักเขียนเล่าเรื่องความสำคัญทางศาสนาอย่างเช่นเรื่องของพันธสัญญาใหม่ เวลาผ่านไปจิตกรสมัยก่อนได้พยายามพัฒนาเทคนิคในการวาดภาพใหม่ ด้วยการหาวิธีทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้นจนในที่สุดพวกเขาก็สามารถสร้างผลงานใหม่ทีเรียกกว่า “เอกสารตัวเขียนสีวิจิตร” เป็นหนังสือเขียนด้วยมือ มีการวาดภาพเล่าเรื่อง (ซึ่งมักเป็นภาพเล่าเรื่องครึ่งหลังของศตวรรษที่ 15) ตกแต่งด้วยทองหรือเงิน มีสีสันสดใส มีการออกแบบที่ประณีตสวยงาม ถือเป็นจิตกรรมเพียงไม่กี่อย่างที่หลงเหลือมาจากยุคกลางที่ปัจจุบันได้เก็บถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี