Graffiti ศิลปะบนกำแพงสุดเพลินตา

ประชากรที่ใช้ชีวิตอยู่ในตัวเมืองหรือแห่งชุมชนต่างน่าจะเคยเห็นรูปวาดบนกำแพงที่มีสีสันสวยงาม หรืออาจจะเป็นตัวอักษรสวยผ่านตามาบ้าง หลายคนก็คงจะสงสัยว่าเขียนไปทำไม เขียนไปเพื่ออะไร แล้วมันมีที่มายังไงซึ่งหากได้ดูสารคดีอาจจะเห็นได้ว่าอิทธิพลของ กราฟฟิตี้นั้นอาจจะมาการขีดเขียนบันทึกเรื่องราวตามกำแพงของคนสมัยโบราณนั้นเอง เพียงแค่เปลี่ยนการขูดขีดบนกำแพง มาเป็นการลงสีและวาดภาพลงบนกำแพงแทนซึ่งในการลงสีนั้น อาจจะใช้การพ่นผ่านสเปรย์กระป๋องโดยมีกรอบหรือบล็อกในการทำให้เกิดลวดลายนั้นเอง
แรกเริ่มนั้นแนวคิดนี้ได้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายที่สหรัฐอเมริกาในที่แรกโดยในตอนที่มีเริ่มมีแพร่หลายของ กราฟฟิตี้นั้นมีการพ่นสีเป็นตัวอักษรหรือเป็นคำพูดออกมาก่อน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงยุค 60 ต่อมาได้มีการเริ่มที่จะพ่นให้เกิดรูปภาพที่สวยงาม โดยทั้งนี้กราฟฟิตี้มีอิทธิพลอย่างมากกับแบรนเสื้อถ้าวัยรุ่นหลายๆแบรนเลยทีเดียว เช่นบางแบรนได้มีการนำเอาลายกราฟฟิตี้มาเพ้นท์ลงในเสื้อผ้า กระเป๋าสะพายบ้าง เลยทำให้มีการนิยมที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมาในผู้ที่สนใจในด้านกราฟิก ภายหลังเมื่อมีการนำแฟชั่นเข้ามายังประเทศไทย ก็มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบในลายของกราฟฟิตี้ ทำให้มีศิลปินหรือวัยรุ่นจำนวนมากเริ่มจะสนใจพ้นสีหรือวาดภาพบนกำแพงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้
โดยความจริงแล้วการที่พ้นสีใส่กำแพงของผู้อื่น หรือของส่วนรวมนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายแต่ก็มีศิลปินบางคนที่ออกมาโต้เถียงว่า ตัวเขาเองนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ที่จ่ายภาษีดังนั้นถ้าหากเขาต้องการที่จะสร้างงานศิลปะ หรือแสดงแนวความคิดสร้างสรรค์ของเขาลงบนกำแพงหรือพื้นที่ในส่วนของรัฐก็น่าจะเป็นสิ่งที่รับได้และไม่น่าผิดอะไร